ผู้เขียนบทความ
นางสาวพิชญ์ฌานันย์ ประยงค์
ข้าพเจ้านางสาวพิชญ์ฌานันย์ ประยงค์ ประเภท ประชาชน HS13-2 ตำบลทรัพย์พระยา อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG and Regional Development) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ซึ่งได้ปฎิบัติหน้าที่เพื่อเก็บข้อมูลในการลงพื้นที่ ในตำบลทรัพย์พระยา อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอด ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่อบรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวฮาง ณ องค์การบริหารส่วนตำบลทรัพย์พระยา โดยมี วิทยากรข้าวฮาง อาจารย์ดนัย สุริยะวงศรี อาจารย์เกษียณชำนาญการ ตำบลหนองโสน ในการอบรมครั้งนี้ ทางข้าพเจ้าได้กลุ่มข้าวฮาง และชาวบ้าน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ฟังวิทยากรบรรยาย สารอาหาร คุณประโยชน์ ขั้นตอนการทำข้าวฮางอย่างละเอียด
ข้าวฮาง คือการนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำและนำข้าวเปลือกไปนึ่งก่อนที่จะนำมาสีเป็นข้าวกล้อง ข้าวฮางทำได้ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว
ดังนั้นการสีข้าวฮางเป็นการเอาเปลือกหรือเอาแกลบออกโดยที่จมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดไม่แตกหักไปไหน เส้นใยและโปรตีนที่มีคุณค่าจึงอยู่ในเมล็ดครบเนื่องจากการนึ่งข้าวให้สุก เมล็ดข้าวจะเหนียวไม่มีเมล็ดแตกร้าว เมื่อนำไปสีจึงทำให้ข้าวฮางมีสีเหลือง
ชนิด/ประเภทของข้าวฮาง 3 ชนิด คือ
- ข้าวฮางระยะน้ำนม
- ข้าวฮางที่นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง
- ข้าวฮางที่นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมงนำมาบ่ม 48 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง หรือเรียก ข้าวฮางงอก
ข้าวฮางและข้าวฮางงอกดีอย่างไร
การนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอก ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในเมล็ดข้าว โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของปริมาณสาร “ กาบ้า” GABA(Gamma Amino Butyric Acid) ในเมล็ดมากเป็น 10 เท่า ของข้าวสาร และเกิดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แกมมาออริซานอล วิตามินอี สารฟีโนลิค ไลซีน และสาร “กาบา” (Gamma aminobutyric acid) เป็นสารอะมิโนชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการการงอกของเมล็ด สารกาบ้าที่อยู่ในเมล็ดข้าวจะเพิ่มขึ้นเมื่อข้าวงอกและจะเพิ่มถึง 15 เท่าเมื่อข้าวงอกมีอายุ 1-2 วัน หลังจากนั้นสารกาบ้าก็จะลดลงเรื่อยๆนอกจากสารกาบ้าที่มีในข้าวฮางแล้ว ข้าวฮางยังมีสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายชนิด เช่น โปรตีนในข้าวฮาง มี 6 -12 ธาตุแมงกานีส ช่วยต้านอนุมูลอิสระวิตามินช่วยเผาผลาญพลังงานได้อย่างหมดทำให้ไม่อ้วนแร่ธาตุไนอะซีน ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่น (ทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาว) และระบบประสาทไวเส้นใยสูงกว่าข้าวขาวอย่างน้อย 3-8 เท่า มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ตับอ่อนจะมีการผลิตอินซูลีนในระดับที่สมดุลระหว่างการกินกับการใช้น้ำตาลของร่างกาย การกินข้าวฮางจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานในข้าวฮางยังมีวิตามิน อี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ซีเลเนียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ธาตุเหล็กสร้างเม็ดเลือดแดงป้องกันโลหิตจาง ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะมีมากกว่าข้าวขาว
“ เห็นประโยชน์ของข้าวฮางมากขนาดนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนมากินข้าวฮาง เพื่อสุขภาพ อนามัยที่แข็งแรง ”
ข้าวฮางข้าวทุกพันธุ์สามารถนำมาทำข้าวฮางได้ แต่คนอีสานนิยมนำข้าวหอมมะลิ 105 และข้าวเหนียว กข 6 มาทำข้าวฮาง เนื่องจากปลูกเป็นประจำและข้าวหอมมะลิ จะมีกลิ่นหอม เหนียวนุ่มน่ารับประทานและถ้าใส่สมุนไพรลงไปอีกยิ่งเพิ่มคุณค่าของข้าวฮางให้น่ารับประทานข้าวฮางที่ดีมีข้อสังเกตดังนี้
- จมูกข้าวอยู่เต็มเมล็ด ไม่มีรอยแหว่งตรงปลายเมล็ด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีประโยชน์
- สีของเมล็ดข้าวเป็นสีน้ำตาลทอง อาจมีสีเข้มหรือจางกว่านี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าวแสดงว่าเส้นใยอาหารยังไม่ถูกขัดสีออก
- ไม่มีข้าวพันธุ์อื่นหรือสิ่งเจือปน สะอาด
- เป็นข้าวที่อบหรือตากจนแห้งสนิม
- ไม่มีกลิ่นอับชื้นขึ้นราหรือมีมอด
- บรรจุในภาชนะหรือถุงที่สะอาดปิดสนิท ระบุสถานที่ผลิตและราคาขาย
- การซื้อมาบริโภคควรซื้อมาในปริมาณที่บริโภคหมดภายใน 2- 3 สัปดาห์
- เมื่อเปิดภาชนะหรือถุงใช้แล้วควรปิดฝาให้สนิทและควรเก็บในที่แห้งสนิทสะอาด
วิธีการทำข้าวฮาง
- นำข้าวเปลือกที่จะผลิตข้าวฮางลงแช่น้ำในภานะ ให้น้ำท่วมข้าว แช่ไว้ 12 ชั่วโมง
- นำข้าวที่แช่ครบ 12 ชั่วโมง นึ่ง ( อาจใส่สมุนไพรหรือใบเตยด้วย) ระหว่างนึ่งถ้าข้าวแห้งให้พรมน้ำ 2-3 ครั้ง เมื่อเมล็ดข้าวแตก แสดงว่าข้าวสุกแล้ว
- นำข้าวที่สุกตากแดด หรือผึ่งลม ควรหมั่นกลับข้าวเพื่อให้ข้าวแห้งสม่ำเสมอ4. นำข้าวที่แห้งสนิทดีแล้วไปสีเป็นข้าวกล้อง
การเก็บรักษาข้าวฮาง
- เก็บในภาชนะที่สะอาดและแห้งมีฝาปิดมิดชิด
- เก็บบรรจุแบบถุงธรรมดา
- เก็บบรรจุถุงแบบสุญญากาศ จะเก็บได้นานประมาณ 1 ปี