ข้าพเจ้า นางสาวณัฐริกา ชาชำนาญ เป็นลูกจ้างประเภทบัณฑิต ในโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมแบบบูรณาการ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ในหมู่บ้านผไทรวมพล ตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ทำงานในส่วนของบัณฑิตจบใหม่ทำงานร่วมกับประชาชน รวมถึงคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ข้าพเจ้าได้รับผิดชอบเก็บข้อมูลบ้านไผทรวมรวมพล เรื่องวิธีการทอผ้าไหมของกลุ่มรวมพลกระเป๋าผไท
ข้าพเจ้าและทีมงานได้ลงพื้นที่สำรวจหาข้อมูลที่หมู่บ้านผไทรวมพล ตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทอผ้าไหมในชุมชน จึงขอความกรุณาจากประชาชนได้ให้ข้อมูลที่เป็นจริง และตอบคำถามเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนตามเป้าหมาย การลงพื้นที่สำรวจได้รับความร่วมมือจากผู้นำกลุ่มรวมพลกระเป๋าผไท ซึ่งทำให้การลงพื้นที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งการทอผ้าไหมของกลุ่มรวมพลกระเป๋าผไท แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบทอมือและแบบกี่กระตุก โดยจะมีการทอผ้าพื้นเหลี่ยมและการทอผ้าไหมมัดหมี่เป็นส่วนมาก
การทอผ้าพื้นเหลี่ยม
อุปกรณ์
1. ไหมทางยืน (เครือหูก) มีสีเดียว
2. ไหมทางพุ้งเป็นไหมพื้นเรียบสีเดียวที่พันใส่หลอดเตรียมสอดกระสวย
การทอ การทอเส้นเดียวไปกลับเหยียบฟืมสลับกัน เพราะที่ศูนย์จะใช้ฟืมคู่ 2 ตะกอ (หมายถึงไม้ที่เหยียบด้านล่าง)
การทอผ้าไหมมัดหมี่
อุปกรณ์
1. ไหมทางยืน (เครือหูก) มีทั้งสีเดียวและ 2 สี (ตีนแดง)
2. ไหมทางพุ้ง จะปั้นเป็นหลอดเตรียมใส่กระสวย แต่ได้มาจากการมัดหมี่และลงสีมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะต้องมีการเรียงลำดับของหลอดห้ามสลับกัน (เพราะจะทำให้ลายเพี้ยน)
3. การทอต้องตั้งให้ถูกแล้วทออย่างระมัดระวังให้เกิดลายที่ตรงกับลายหมี่ที่มัด
4. เหยียบฟืมสลับพร้อม ๆ กับสอดกระสวยไปมาจึงทำให้เกิดผ้าไหมมัดหมี่ที่สวยงามโดยเรียงเพิ่มทีละเส้นจนครบ 1 ผืน เท่ากับ 2 เมตร จะได้ผ้าถุง 1 ผืน
จากที่ข้าพเจ้าได้ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มทอผ้าไหมผไทรวมพล ทำให้ได้รู้ว่าชาวบ้านมีกลุ่มนี้เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน โดยเอกลักษณ์ผ้าไหมของชุมชนคือผ้าไหมลายเนื้อทราย และมีการทอผ้าไหมที่แตกต่างจากที่อื่น โดยไม่ได้มีแค่กลุ่มชาวบ้าน แต่ยังมีกลุ่มเยาวชนเด็ก ๆ ที่ได้รับการปลูกฝังให้ทอผ้าไหมสร้างเสริมอาชีพในชุมชน นับว่าเป็นสิ่งดีที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้นำการทอผ้าไหมต่อยอดไปสู่อนาคตได้ดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของชุมชนนี้โดยส่วนมากจะเป็น กระเป๋า เครื่องประดับ แต่ในการตลาดไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักเพราะไม่ได้มีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ จึงต้องมีการนำไปปรับปรุง และพัฒนาเพื่อให้รายได้เข้าสู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น