การดำเนินงานเดือนกรกรฏาคมภายใต้ โครงการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG and Regional Development) ข้าพเจ้านางสาวจุฑามาศ แซ่อึง เจ้าหน้าที่ดำเนินงาน ตำบลดงอีจาน อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์
ข้าพเจ้าแหละทีมงานได้ดำเนินการลงพื้นที่สำรวจสวนหม่อนและสำรวจโรงเรือนเลี้ยงตัวไหมของคนในชุมชน ตำบลดงอีจาน จาการสำรวจพื้นพบว่าการปลูกหม่อนของคนในชุมชนมีประมาณ 50กว่าไร่ และในบางส่วนก็เก็บใบหม่อนสดไปขายให้พ่อค้าคนกลาง ในราคา 8 บาท/กิโลกรัม ซึ่งการปลูกหม่อนในชุมชนตำบลดงอีจานนั้นจำนวนมาก ทำให้ใบหม่อนเยอะเกินความต้องการพ่อค้าคนกลางกดราคาและใบหม่อนเน่าเสียทิ้งไป อีกทั้งยังมีตัวฝักไหมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 ทำให้ราคาฝักไหมตกจากปกติขายในราคา250ต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 150ต่อกิโลกรัม ซึ่งข้าพเจ้าและทีมงานได้ปรึกษากันถึงปัญหานี้ว่าทางเราจะเเก้ไขและเพิ่มมูลค่าในส่วนนี้อย่างไร
ซึ่งทางข้าพเจ้าและทีมงานได้ข้อสรุปว่า จะทำสบู่โปรตีนฝักไหมและแชมพูจากใบหม่อน ซึ่งใบหม่อนมีสรรพคุณ ช่วยลดอาการผมร่วง หนังศรีษะมัน ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและกระตุ้นการเจริญเติมโตของเส้นผม จึงได้แปรรูปใบหม่อน พัฒนาเป็นแชมพูและครีมนวดผม จากใบหม่อน
ในส่วนของฝักไหมนั้นณสมบัติที่สำคัญของรังไหมคือมีโปรตีน และกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย ถึง 18 ชนิดเช่นไกลซีน (Glycine) อะลานีน (Alanine) เซรีน(Serine) และไทโรซีน (Tyrosine) เป็นต้น โดยเฉพาะ
“ ซริซิน (Serisin)” โปรตีนของนำ้าต้มรังไหม ที่ช่วยเพิ่ม ความอ่อนเยาว์ให้ผิวเราได้เต่งตึง ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบเดิม และคนในชุมชนมีความสนใจอย่างยิ่ง