ดอกดาวเรืองนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดย ดาวเรืองมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก ต่อมามีคนนำเข้าไปปลูกในแถบประเทศยุโรปและเอเชียใต้รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศ อาทิ อียิปต์ ฮังการี สเปน ฝรั่งเศสเละประเทศในแถบอเมริกาใต้ เป็นต้น  โดยคนในเอเชียใต้จะใช้ดอกดาวเรืองสำหรับระกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู  ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะใช้บูชา ทางศาสนาพุทธและพิธีมงคลต่างๆ แต่ในเม็กซิโกดอกดาวเรืองนั้นจะใช้ในเทศกาลวันแห่งความตาย คนนิยมใช้ดอกดาวเรืองบูชาแท่นพระแม่มารี ดอกไม้ชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า Mary’s gold ตามสีนั่นเอง ต่อมาจึงเรียกกันเพี้ยนไปเป็น Marigolds ดาวเรืองไม่ใช่มีประโยชน์แค่การบูชาเท่านั้น มันยังถูกนำไปใช้ ปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วย  สำหรับการปลูกในประเทศไทยในอดีตนั้นยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่พบว่ามีหลักเริ่มมีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์มาปลูกครั้งแรก ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี 2510 จากประเทศเนเธอร์แลนด์เท่านั้น

ประโยชน์และสรรพคุณดาวเรือง           

ใช้ละลายเสมหะ แก้เวียนหัว ใช้รักษาโรคตาแดง เป็นยาลดไข้ ช่วยบำรุงตับ แก้ร้อนใน แก้ไอหวัด ไอกรน รักษาอาการเต้านมอักเสบ แก้เป็นแผลมีหนอง ช่วยบำรุงสายตา ใช้แก้ฝีหนอง อาการบวมโดยไม่รู้สาเหตุ ลดการติดเชื้อ  ใช้ป้องกันผิวแห้ง ผิวแตกลาย บำรุงผิว บำรุงเส้นผม ใช้เป็นยาระบาย แก้อาการหูเจ็บ ปวดหู ช่วยแก้อาการปวดฟัน ช่วยรักษาปากเปื่อย ช่วยแก้อาการปวดท้อง

แก้อาการปวดตามข้อ เป็นยาฟอกเลือด ช่วยแก้อาการเวียนศีรษะ แก้เด็กเป็นตานขโมย

ลักษณะทั่วไปดาวเรือง

ต้นดาวเรือง จัดเป็นไม้ล้มลุก มีอายุประมาณ 1 ปี ลำต้นตั้งตรงมีความสูงประมาณ 30-100 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านมากที่โคนต้น ลำต้นเป็นสีเขียวและเป็นร่อง ทั้งต้นเมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นเหม็น จึงทำให้แมลงไม่ค่อยมารบกวนและจัดเป็นพันธุ์ไม้กลางแจ้ง

ใบ มีลักษณะเป็นใบประกอบคล้ายขนนก ปลายคี่ (odd-pinnate) เรียงตัวตรงกันข้าม มีใบย่อยประมาณ 11 – 17 ใบ ใบยาว 4-11 ซม. กว้าง 1 – 1.5 เซนติเมตร ใบมีรอยเว้าลึกถึงก้านใบ ใบย่อยมีลักษณะเรียวยาวเป็นรูปหอก ปลายแหลม