กระเป๋าผ้าไหมมีความเป็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัดคือ ลายเนื้อทราย ที่จะมีเฉพาะอำเภอละหานทรายเท่านั้น เป็นอำเภอเดียวในประเทศไทยที่มีลายนี้ กระเป๋าผ้าไหมที่ได้จากการเลี้ยงไหม การสาวไหม การย้อมสีธรรมชาติโดยวิถีชุมชน โดยจะคัดสรรพืชที่หลากหลายในท้องถิ่น ใช้เป็นวัตถุดิบให้สีทดแทนการใช้สารเคมี เพิ่มประสิทธิภาพการติดสีธรรมชาติได้ดีขึ้น ทำให้ลดเวลาการย้อมสี ลดต้นทุนการฟอกย้อม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกระเป๋าผ้าไหมจะมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของเส้นใยที่มีความเหนียว มันวาว ดูดซับความชื้นได้ดี กลุ่มลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยว ข้าราชการ บุคคลทั่วไป เป็นต้น
โดยกระเป๋าที่กลุ่มชาวบ้านทำ มี 3 แบบ โดยจะยกตัวอย่างการทำกระเป๋าแบบที่ 3
- วาดแพทเทินตามแบบกระเป๋าตามที่ออกแบบไว้
- ตัดผ้าไหมออกเป็น 2 ชิ้น หน้า-หลัง ให้เท่ากัน
- ใช้กาวขาวในการติดของผ้ากับหนังที่ออกแบบไว้ให้เท่ากัน
- ติดกาวกับผ้าและหนังเสร็จ รีดให้เรียบเพื่อความสวยงาม
- นำหนังที่ติดผ้าไหมแล้วมาเย็บติดให้กัน หน้า-หลัง
- เย็บฐานกระเป๋าและตัดเศษผ้าที่เหลือออกให้สวยงาม
- เมื่อเย็บเสร็จแล้ว นำมากลับด้านกระเป๋า
- เย็บหูกระเป๋าติดกับกระเป๋า โดยใช้วิธีการเย็บด้วยมือ เพราะหูกระเป๋าเป็นโลหะ ไม่สามารถใช้เครื่องจักรเย็บได้
- เมื่อเย็บหูใส่กระเป๋าเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
การทอผ้าไหมเป็นงานฝีมือที่สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวอำเภอละหานทราย คือ ลายเนื้อทราย ซึ่งกลุ่มชาวบ้านได้นำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมายหลายชนิด ชาวบ้านได้นำผ้าไหมตัดเย็บกระเป๋า เพื่อเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน และเศษของผ้าไหมยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งที่สวยงามได้อีก กระเป๋าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ชุดของคุณสมบูรณ์ ไม่ว่าคุณจะใส่กับชุดราตรี หรือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ กระเป๋าสามารถยกระดับการแต่งตัวของคุณให้ต่างไปจากเดิม อีกทั้งยังมีประโยชน์มากมายในการเก็บของ สะดวกในการใช้งาน และสามารถพกพาไปยังที่ต่าง ๆ ได้