วิธีการสาวไหม

ต้มน้ำให้ร้อนประมาณ 70-80 C แล้วใส่รังไหมลงไปประมาณ 40-50 รัง เพื่อให้ความร้อนจากน้ำช่วยละลาย Serricin (โปรตีน) ที่ยึดเส้นไหม ใช้ไม่พายเล็กแกว่งตรงกลางเป็นแฉกคนรังไหมกดรังไหมให้จมน้ำเสียก่อนเมื่อรังไหมลอยขึ้นจึงค่อยๆตะล่อมให้รวมกันแล้วต่อยๆดึงเส้นใยไหมออกมาจะได้เส้นใยไหมซึ่งมีขนาดเล็กมากรวมเส้นใยไหมหลายๆเส้นรวมกัน ดึงเส้นไหม โดยให้เส้นไหมลอดออกมาตามแฉกไม้ ซึ่งจะทำให้ได้เส้นไหมที่สม่ำเสมอและรังไหมไม่ไต่ตามมากับเส้นไหมเส้นไหมที่สาวได้จะผ่านไม้หีบขึ้นไปร้อยกันรอกที่แขวนหรืพวงสาวที่ยึดติดกับปากหม้อแล้วดึงเส้นไหมใส่กระบุงคอยเติมรังไหมใหม่ลงไปในหม้อต้มเป็นระยะๆรังไหมจะถูกสาวจนหมดรังเหลือดักแด้จมลงก้นหม้อแล้วจึงตักดักแด้ออกเส้าไหม

ไหมหนึ่งหรือไหมน้อย คือเส้นไหมที่ได้จากการที่สาวไหมชั้นนอกออกไว้ต่างหาก แล้วแยกรังไหมออกเพื่อนำมาต้มสาวเป็นครั้งที่ 2 จะได้เส้นเล็กละเอียดมีขนาดสม่ำเสมอ ไม่มีปุ่มปมเป็นไหมที่สวยงามและมีคุณภาพดีนิยมใช้ทำเป็นเส้นยืน

ไหมสอง หรือไหมกลาง คือเส้นไหมที่สาวเอาไหมชั้นนอกออกแล้วแทนที่จะแยกให้อยู่คนละพวก กลับสาวไปเรื่อยๆพอรังไหมใกล้หมดก็เติมรังไหมเข้าไปอีกแล้วสาวไปเรื่อยๆซึ่งจะได้เส้นไหมขนาดโต อาจมีปุ่มปนบ้าง นิยมใช้เป็นเส้นพุ่งในการทอ

ไหมสามหรือไหมใหญ่ คือเส้นไหมที่สาวออกมาจากรังไหมครั้งแรก เป็นการเอาเฉพาะเปลือก และพักยกรังไหมเอาไว้เส้นไหมจะแข็งเส้นใหญ่และหยาบถ้านำไปทอจะได้ผ้าชนิดหนา

การเตรียมเส้นไหม

ไน เป็นเครื่องมือสำหรับกรอเส้นไหมเข้าหลอดลักษณะเป็นวงล้อทำด้วยไม้ไผ่หรือหวายระหว่าล้อและแกนหลอดมีเชือกฟูกโยง เมื่อหมุนวงล้อ ก็จะทำให้แกนหมุนไปด้วยระวิงเป็นเครื่องมือปั่นไหมมีลักษณะเหมือนกังหัน 2 ดอก ทำด้วยไม้หรือไม้ไผ่เหลาแบนๆดอกละ 3 อัน ระหว่างกังหันทั้ง 2 มีแกนและเส้นด้ายหรือไนล่อนผูกโยงสำหรับรองรับเข็ดไหมระวิงใช้คู่กับไนเมื่อต้องการกรอเส้นไหมยืนเส้นไหมพุ่งเข้าหลอดโดยจะสวมหลอดเข้ากับแกนไน แล้วนำเข็นไหมที่ต้องการกรอเข้าสวมระวิง แล้วดึงเส้นไหมจากเข็ดไหมที่ต้องการกรอเข้าสวมที่ระวิง แล้วดึงเส้นไหมจากเข็นนั้นผูกติดกับหลอดค้นหรือหลอดพุ่งเมื่อหมุนวงล้อของไนแกนหลอดจะหมุนทำให้หลอดค้นหรือ ลอดพุ่งที่สวมติดอยู่หมุนดึงเส้นไหมจากระวิงพันติดไปกับหลอดนั้นด้วย โดยกระวิงจะหมุนตามช่วยคลายเส้นไหม ทำให้เส้นไหมไม่พันกัน