ข้าพเจ้านายวิษณุกร บุ้งทอง ผู้ปฏิบัติงานประเภทประชาชน ในโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG and Regional Development) คณะมนุษยศาสตร์ฯ อำเภอลำปลายมาศ ตำบลเมืองแฝก HS10-1

 ในเดือนนี้ผู้เขียนได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล TCD ในพื้นที่ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้ลงสำรวจพืชผักสวนครัวของชุมชนตำบลเมืองแฝก หมู่ 3 บ้านหนองเก้าข่า โดยสำรวจพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้านของตัวผู้เขียนเองและที่เพื่อนบ้านปลูกในระแวกใกล้เคียงกัน

ซึ่ง TCD คือ ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของชุมชน (Thailand Community Data) หรือ TCD คือ “บิ๊กดาต้า” ชุมชน 3 พันตำบลหรือครึ่งหนึ่งของประเทศ ที่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดทำขึ้นผ่าน โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ หรือ U2T ที่นักศึกษาและผู้ได้รับการจ้างงานกว่า 6 หมื่นคน ลงพื้นที่ไปทำงานและเก็บข้อมูลร่วมกับชุมชน

ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของชุมชน หรือ TCD มีข้อมูลที่จัดเก็บมาได้กว่า 1,082,297 ชิ้น โดยแบ่งหมวดหมู่ต่างๆ ได้แก่ เกษตรกรในท้องถิ่น 310,522 ชิ้น แหล่งน้ำในท้องถิ่น 31,964 ชิ้น ผู้ที่ย้ายกลับบ้านเนื่องจากสถานการณ์โควิด–19 จำนวน 72,639 ชิ้น ภูมิปัญญาท้องถิ่น 35,054 ชิ้น สัตว์ในท้องถิ่น 92,652 ชิ้น พืชในท้องถิ่น 311,471 ชิ้น แหล่งท่องเที่ยว 36,474 ชิ้น ร้านอาหารในท้องถิ่น 79,136 ชิ้น อาหารที่น่าสนใจในท้องถิ่น 85,234 ชิ้น ที่พัก/โรงแรม 27,151 ชิ้น

ฐานข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกจัดเก็บ เรียบเรียงเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่า เชื่อมโยงการวิเคราะห์กับข้อมูลความต้องการของตลาด ข้อมูลปัจจัยต่างๆ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานราชการอื่น อาทิ ข้อมูลผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ข้อมูลการส่งออก ข้อมูล TPMAP ที่เป็นระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนและแก้จนแบบชี้เป้า เป็นต้น

พืชผักสวนครัวในบริเวณบ้านของตัวผู้เขียนเองและที่เพื่อนบ้านปลูกในระแวกใกล้เคียงที่ผู้เขียนได้สำรวจเก็บข้อมูลและถ่ายภาพมีดังต่อไปนี้

 

ผักบุ้ง

ผักบุ้งมีชื่อเรียกอื่นว่าผักทอดยอด เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เรามักจะคุ้นเคยกันมาตลอดว่ามีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา แต่จริง ๆ แล้วผักชนิดนี้ยังมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ๆ

แต่ก่อนจะไปรู้ถึงประโยชน์มาดูกันก่อนว่าผักบุ้งที่นิยมนำมาใช้รับประทานนั้นมีสายพันธุ์อะไรบ้าง ซึ่งในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก ๆ คือ ผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน สำหรับผักบุ้งไทยเป็นผักบุ้งสายพันธุ์ธรรมชาติที่ขึ้นเองตามแม่น้ำลำคลอง ซึ่งจะมียางมากกว่าผักบุ้งจีน ส่วนผักบุ้งจีนเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ (แต่ปลูกได้เองแล้วที่เมืองไทย) โดยส่วนมากที่นิยมปลูกขายก็คือผักบุ้งจีน เพราะลำต้นค่อนข้างขาว ใบเขียวอ่อน ดอกขาว มียางน้อยกว่าผักบุ้งไทย จึงได้รับความนิยมในการรับประทานมากกว่าผักบุ้งไทยนั่นเอง

ในผักบุ้ง 100 กรัมจะให้พลังงาน 22 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยเส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ อีกด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ผักบุ้งไทยนั้นจะมีวิตามินซีสูงและสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งจีน แต่จะมีแคลเซียมและเบตาแคโรทีน (วิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา) น้อยกว่าผักบุ้งจีน หากรับประทานสด ๆ ได้ จะทำให้คุณค่าของวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ไม่เสียไปกับความร้อนอีกด้วย

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำนั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักบุ้ง เพราะผักบุ้งมีคุณสมบัติไปช่วยลดความดันโลหิต จะทำให้ความดันยิ่งต่ำลงไปใหญ่ อาจจะก่อให้เกิดอาการเป็นตะคริวได้ง่ายและบ่อยขึ้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอ

แมงลัก หรือ ผักอีตู่

แมงลัก เป็นผักสวนครัว ที่มีหน้าตาคล้ายกะเพราและโหระพา เป็นผักที่รู้จักกันดี เนื่องจากนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้หลากหลาย เช่น เอาใบมาใส่แกงเลียง หรือกินสด ๆ คู่กับขนมจีนน้ำยา เป็นที่ถูกอกถูกใจและขาดไม่ได้เลยทีเดียว

ประโยชน์ของใบแมงลัก คือ ช่วยซับเหงื่อ ขับลมในลำไส้ แก้วิงเวียน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือจะนำใบแมงลักมาต้มกับน้ำ ดื่มเป็นประจำก็ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือ โรคทางเดินอาหารได้ด้วย และใบแมงลักยังให้สารเบต้าแคโรทีนและแคลเซี่ยม ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

ส่วนเม็ดแมงลักก็มีสรรพคุณ คือ มักจะถูกนำไปทำเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และยังมีสรรคุณเป็นยาระบาย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก แถมยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจอีกด้วย

โหระพา

โหระพา ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum L. จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE) มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและแอฟริกา เป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย แต่แพร่หลายในเอเชียและตะวันตก โหระพาเป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม นิยมอย่างมากในการนำมาประกอบอาหารและแต่งกลิ่นของรสชาติให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น

โหระพา สรรพคุณนั้นมีมากมายแต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันมีประโยชน์อย่างไร โดยโหระพา 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 452.16 ไมโครกรัม ซึ่งสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ และยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นต้น โดยสรรพคุณของโหระพาที่เรานำมาใช้ในการรักษาโรคหลัก ๆ แล้วจะใช้แค่ใบและน้ำมันสกัดจากใบโหระพาเป็นหลัก แต่ส่วนอื่น ๆ ก็ใช้ได้เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น ราก ลำต้น ก็ถือว่ามีประโยชน์แทบทั้งสิ้น แต่น้ำมันโหระพาอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้หากใช้กับหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง

ตะไคร้

ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาตั้งแต่อดีตแล้ว ทั้งนี้เพราะตะไคร้เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อนของทวีปเอเชีย เช่น ไทย พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น และยังสามารถพบได้ในประเทศเขตร้อนบางประเทศในแถบอเมริกาใต้เช่นกัน ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้าและสามารถแบ่งออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิง

สรรพคุณด้านสมุนไพร

บำรุงไตและขับปัสสาวะ ตะไคร้มีสรรพคุณช่วยบำรุงไตให้แข็งแรง ช่วยให้ไตทำงานได้ดี อีกทั้งยังช่วยในการชำระล้างและกำจัดของเสียที่เป็นอันตรายออกจากร่างกาย

บรรเทาอาการปวดและการอักเสบ ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและการอักเสบจากโรคไขข้อ ช่วยลดอาการบวมอักเสบ ลดอาการปวดเมื่อย แก้เคล็ดขัดยอก

แก้อาการนอนไม่หลับ ชาตะไคร้ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากความเมื่อยล้าและยังช่วยบำรุงเส้นประสาทจึงทำให้นอนหลับสบายขึ้น

ไล่แมลง ตะไคร้หอมเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยมากกว่าตะไคร้บ้าน มีกลิ่นหอมตรงระหว่างใบกับกาบ สามารถใช้เป็นยาทาไล่ยุง ไล่แมลง และยังไม่เป็นพิษต่อคนอีกด้วย โดยทุบตะไคร้หอมพอหยาบๆ 4-5 ต้น แล้วนำไปวางตามมุมอับกลิ่น น้ำมันที่ระเหยออกของตะไคร้หอมจะช่วยไล่ยุง

แก้หวัด ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้หวัดได้ดี เนื่องจากมีประโยชน์ในการลดไข้ บรรเทาอาการหวัด ซึ่งมีการใช้อย่างกว้างขวางในการบรรเทาอาการหวัดโดยจะช่วยขับเหงื่อ

รักษาโรคเบาหวาน ตะไคร้ได้รับการวิจัยแล้วว่ามีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ตะไคร้จะช่วยรักษาระดับอินซูลินในระดับที่เหมาะสมและเพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย

บำรุงระบบประสาทและสมอง ตะไคร้เป็นยาบำรุงระบบประสาทชั้นดี บรรเทาความเครียด ช่วยคลายความวิตกกังวลและความเหนื่อยล้าที่เกิดจากความเครียด

ลดคอเลสเตอรอล ตะไคร้มีสรรพคุณป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง โดยจะช่วยรักษาระดับไตรกลีเซอไรด์และลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด

แก้เวียนศีรษะ หน้ามืด ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะ โดยทุบตะไคร้พอหยาบๆ 4-5 ต้น เพื่อให้ได้กลิ่นแล้วนำไปสูดดมกลิ่นที่ระเหยออกมาของตะไคร้จะช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้

บวบงู

บวบงู เป็นพืชผักสมุนไพร เป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุสั้นเพียงปีเดียว มีลำต้นเดี่ยว ลำต้นมีลักษณะกลมๆ ลำต้นเป็นเถาเลื้อย เถาแข็งและเหนียว มีสีเขียว เป็นใบเดี่ยว มีลักษณะรูปแบบฝ่ามือ มรรอยเว้า มีสีเขียว ดอกจะมีสีเหลือง ผลคล้ายงู ผลมีลักษณะกลมเรียวยาว โค้งยาวบิดงอ ปลายผลแหลม เปลือกบางผิวเรียบ ผลจะมีสีเขียวมีลายเส้นสีขาวตามยาว มีเมือกเล็กน้อย มีไส้ภายในผล มีเมล็ดอยู่ข้างใน เนื้อนุ่มชุ่มน้ำ มีรสชาติขมอ่อนๆ ใช้ผลอ่อนประกอบอาหาร

ประโยชน์และสรรพคุณบวบงู มีโปรตีน มีคาร์โบไฮเดรต มีวิตามินเอ มีวิตามินซี มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีแคลเซียม มีฟอสฟอรัส มีเหล็ก มีไขมัน มีพลังงาน มีเส้นใย มีเบต้าแคโปรทีน

ช่วยบรรเทาท่อน้ำดีอุดตัน ช่วยขับพยาธิ ช่วยระบายความร้อน ช่วยลดไขมันในเลือด เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก ช่วยขับสารพิษ ช่วยล้างพิษ ช่วยขับน้ำนมในสตรีคลอดลูก ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยดับร้อน แก้ร้อนใน แก้ไข้ ช่วยลดอาการไข้ แก้บิด ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงร่างกาย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยระบบเลือดไหลเวียน ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้ผดผื่นคัน รักษากลากเกลื้อน แกฝี ช่วยรักษาโรคเหน็บชา ทำให้อาเจียน

มะละกอ

มะละกอ ช่วยการป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อม  งานวิจัยตีพิมพ์ในต่างประเทศกล่าวว่าการกินผลไม้ 3 ครั้งต่อวันอาจลดความเสี่ยงของอาการภาวะจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ อันเป็นสาเหตุของการเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ เนื่องจากคนไทยกินมะละกอ ทั้งดิบและสุกเป็นประจำ จึงมีความเสี่ยงลดลงในการเกิดโรคดังกล่าว

มะละกอ มีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย มีสรรพคุณเป็นทั้งยารักษาโรค โดยสรรพคุณมะละกอ เช่น ใช้เป็นยาระบาย ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เป็นต้น และยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และบำรุงสายตา เช่น วิตามินเอ 47 ไมโครกรัม 6% เบต้าแคโรทีน 274 ไมโครกรัม 3%ลูทีน และ ซีแซนทีน 89 ไมโครกรัม วิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน เป็นต้น

มะนาว

มะนาว เป็นพืชชนิดหนึ่ง ผลมีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุลส้ม ผลสีเขียว เมื่อสุกจัดจะเป็นสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำมาก นับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส นอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ด้วย

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.thairath.co.th/news/local/2328010

https://medthai.com

https://www.kaset1009.com/th

https://www.laservisionthai.com/

https://today.line.me/th/v2/article/LEPBqr