“วงดนตรีปี่พาทย์เทพทอง บ้านเขว้า หมู่1 ตำบลปังกู อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์”

จักรินทร์ กันรัมย์

             ชาวไทยเขมรยึดธรรมเนียมทางพระพุทธศาสนาที่ยังปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ว่าชายที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จะต้องบวชเพื่อศึกษาธรรมะและทดแทนพระคุณของบิดามารดาอย่างน้อย 1 พรรษาซึ่งชาวไทยเขมรนิยมจัดพิธีบวชในเดือนมิถุนายน วงปี่พาทย์ประกอบพิธีบวชพระนิยมใช้เครื่องห้า เครื่องหก และเครื่องแปด ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าภาพการบรรเลงประโคมเริ่มตั้งแต่ต้นพิธีกรรมด้วยเพลงโหมโรงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นของงานและสื่อถึงความเป็นศิริมงคลต่อสถานที่แห่งนั้น ในช่วงขั้นพิธีกรรม วงปี่พาทย์จะบรรเลงตามขั้นตอนในพิธี เพลงที่พบในพิธีกรรม ได้แก่ กราวนอก   รัวลาเดียว นางหนาก เฉิด ฯ โดยเพลงเหล่านี้มีความสอดคล้องกับพิธีในช่วงเวลานั้นๆ โดยผู้อำนวยพิธีกรรมเรียกว่า“พราหมณ์”เป็นผู้ดำเนินพิธีกรรม ถือได้ว่าวงปี่พาทย์มีความสำคัญที่ทำให้พิธีกรรมบวชพระเกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในอดีตวงปีพาทย์ในชุมชนมีเพียง 1 วงหลักๆเท่านั้น ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยก่อนในการจ้างไปทำการแสดงตามบุญงานวัด งานบวช และงานพิธีต่างๆ

             จากการสอบถามวงปี่พาทย์ของนายเสวย ตรากลาง บ้านเขว้า หมู่1 ตำบลปังกู อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ทราบว่าเป็นวงปี่พาทย์ที่ได้มีการรับสืบทอดทางภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งการตั้งชื่อวงดนตรีปี่พาทย์เทพทอง เป็นเพราะว่าท่านที่ก่อตั้งวงดนตรีปี่พาทย์ชื่อว่าพ่อเทพ จึงตั้งชื่อวงว่า เทพทอง และยังพบว่าเครื่องดนตรีบางชิ้นมีอายุเก่าแก่ ประกอบด้วย ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด มอญ ฉาบ และฉิ่ง และปัจจุบันมีนักดนตรีในวงหลักๆมีทั้งหมด 3 คน ได้แก่

  1. นายเสวย ตรากลาง หัวหน้าวง
  2. นายจำลอง ตรากลาง (ลูกชาย)
  3. นายฤทธิ์ชัย ตรากลาง (ลูกชาย)

รับบรรเลงในงานแสดงทั่วๆไปทั้งพิธีมงคลหรืออวมงคล บทบาทหน้าที่ของวงปี่พาทย์ที่มีต่อชุมชนมี   3 ด้าน คือ ด้านการให้ความบันเทิง ด้านเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนในปัจจุบัน และด้านประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ และในปัจจุบันมียุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงและทันสมัยเป็นอย่างมากจึงทำการผสมวงปี่พาทย์ของนายเสวย ตรากลาง เป็นการนำเครื่องดนตรีทั้งกลองชุด เบส กีตาร์ และเปียโน มาบรรเลงร่วมกันให้มีความทันสมัยและกลมกลืนกันให้เข้ากับยุคสมัย

การรับงานส่วนใหญ่มักรับงานประเภทบรรเลงในพิธีกรรมเป็นหลักนิยมใช้บรรเลงในโอกาสทั่วไป ๆ แล้วแต่เจ้าภาพจะว่าจ้างไป รับบรรเลงทั้งงานมงคล และอวมงคล เช่น งานบวงสรวงขึ้นบ้านใหม่ งานกฐิน พิธีทำขวัญนาค งานแห่นาค งานศพเป็นต้น ส่วนการว่าจ้างหากจ้างวงใหญ่นักดนตรีในวงทั้งหมด 7- 8 คน อัตราการรับจ้างขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการบรรเลง เช่นถ้าบรรเลง 1 วัน จะกำหนดราคาประมาณ 7,000 – 9,000 บาทเป็นพื้นฐาน หากทำการจ้างดนตรีวงเล็ก 3 คน ทำการแสดงเป็นระยะเวลา 1 วัน จะกำหนดค่าจ้างประมาณ 3,000 – 4,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามอัตราค่าจ้างอาจไม่ตายตัว สามารถยืดหยุ่นได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความใกล้ไกลของระยะทางหรือขึ้นอยู่กับการตกลงกับเจ้าภาพ เป็นต้น