โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิด ด้วยเศรษฐกิจ BCG
(U2T for BCG)
วิถีชีวิตเกษตรกรรมและอาชีพ
บทความประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2565
ข้าพเจ้า นายอัครวัฒน์ เชาว์ชูรัมย์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดำเนินงาน ประเภทบัณฑิตจบใหม่ ประจำตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ในโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิด ด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ข้าพเจ้าและทีมผู้ปฏิบัติงานได้ทำการลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลในตำบลหินโคน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ จากการลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลวิถีชีวิตเกษตรกรรมและอาชีพในตำบลหินโคนพบว่า เกษตรกรรมในตำบลหินโคนมีดังนี้
- การเกษตร ส่วนใหญ่เพาะปลูกข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา
- การประมง เป็นการจับสัตว์น้ำตามลำน้ำมาศและเป็นการจับสัตว์ขนาดเล็ก เช่น ปลา กบ
- การปศุสัตว์ เช่น ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่
อาชีพประชากรส่วนใหญ่ในตำบลประกอบอาชีพค้าขาย, เกษตรกร, ทอผ้าไหม ทำปศุสัตว์ ภายในชุมชนมีการนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ คือ การแบ่งที่ดินตามอัตราส่วน 30:30:30:10 เพื่อใช้ในการขุดสระเก็บกักน้ำ, ปลูกข้าว, ปลูกพืชผักผลไม้ และใช้เป็นที่อยู่อาศัย ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีบางครัวเรือนประกอบอาชีพจักสาน ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมอย่างหนึ่ง และนับเป็นงานศิลปะประเภททัศนศิลป์ได้ด้วย การจักสานเป็นการนำวัสดุขนาดเล็กและยาว มาขัด หรือสาน กันจนเป็นชิ้นงาน เช่น เสื่อ หรือภาชนะอื่นๆ เช่น ตะกร้า เข่ง หรือของใช้อื่นๆ เช่น ลูกตะกร้อ เป็นต้น
เนื่องจากมีทรัพยากรน้ำที่จำกัด เกษตรกรในตำบลหินโคนจึงเลือกใช้วิธีปลูกข้าวแบบการทำนาปี คือ การทำนาในช่วงฤดูที่เหมาะสม นั่นคือ ฤดูฝน ที่จะปลูกเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม และเก็บเกี่ยวสิ้นสุดไม่เกินกุมภาพันธ์ นิยมปลูกกันมากในภาคอีสานเพราะไม่มีระบบชลประทาน จึงต้องอาศัยน้ำจากฝนเท่านั้น โดยข้าวที่ต้องปลูกในการทำนาแบบนาปี คือ ข้าวไวต่อช่วงแสง ซึ่งออกดอกตามฤดูกาลเฉพาะในเดือนที่มีความยาวของกลางวันสั้นหรือน้อยกว่า 12 ชั่วโมง เช่น ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ไม่ว่าจะปลูกเมื่อไหร่ก็จะออกดอกช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น พันธุ์ข้าวนาปีจะแบ่งออกเป็น ข้าวเบา หรือข้าวที่ออกดอกช่วงกันยายนถึงตุลาคม ข้าวกลาง หรือข้าวที่ออกดอกช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายน และ ข้าวหนัก หรือข้าวที่ออกดอกช่วงธันวาคมถึงมกราคม
รูปประกอบการลงพื้นที่
วิดีโอประกอบการลงพื้นที่
